Salesforce คืออะไร: คู่มือการเลือกและใช้งาน CRM สำหรับธุรกิจไทย

Riki Kimura wisible author

Riki Kimura

Digital Marketing Executive at Wisible

Salesforce vs Wisible

” You don’t need a Sales Tool, You need a Revenue Increase “

หลายครั้งที่บริษัทมักเกิดคำถามว่า “เครื่องมือการขาย หรือ Sales tools นั้นจำเป็นต่อบริษัทหรือไม่? จะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปรึเปล่า? ใช้ Excel Spreadsheet แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว หรือถ้าจะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ CRMสักตัว น่าจะเลือกใช้ตัวเจ้าดังๆ ของต่างประเทศ เช่น Salesforce, Pipedrive, หรือ Hubspot”

ซึ่งการเลือกใช้ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยและความเหมาะสมของแต่ละองค์กร แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจุดประสงค์ของการเลือกใช้ เครื่องมือการขาย หรือ Salestools นั้นก็เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทนั่นเอง

Salesforce คืออะไร ใครเป็นผู้ก่อตั้ง?

Salesforce อ่านออกเสียงว่า “เซลส์ฟอร์ซ” เป็นชื่อซอฟต์แวร์ CRM (Customer Relationship Management) เบอร์ต้นของโลก ของบริษัทในชื่อเดียวกันคือ Salesforce ก่อตั้งโดย Marc Russell Benioff เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วในปี 1999

Salesforce ถือเป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า Software as a Service (SaaS) กับโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งสมัยนั้นเวลาองค์กรจะติดตั้งซอฟต์แวร์อะไรทีก็ต้องติดตั้ง (Install) Software ลงเครื่องและทุกครั้งที่มีการอัพเดทก็ทำทีละครั้งทีละเครื่อง ซึ่งยุ่งยากเสียเวลามาก

เพื่อแก้ปัญหานี้ Salesforce จึงได้ออกแบบให้ซอฟต์แวร์ให้ทำงาน “On Cloud” โดยใช้สัญลักษณ์ก้อนเมฆซึ่งหมายถึงอินเตอร์เน็ต ทำให้องค์กรสามารถเริ่มใช้งาน Salesforce ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งซอฟต์แวร์ลงบนเครื่องอีกต่อไป ขอแค่มี Web Browser กับอินเตอร์เน็ต ก็ใช้ได้ทันที

Salesforce เล่นใหญ่ด้วยแคมเปญการตลาด No Software สร้างภาพให้ลูกค้าองค์กรรู้สึกว่าถ้ายังใช้ซอฟต์แวร์แบบที่ตั้งติดตั้งลงทุกเครื่องจะถือเป็นความล้าหลัง อยากทันสมัยต้องใช้ Software on Cloud อย่าง Salesforce เท่านั้น เวลาผ่านไปยี่สิบปีซอฟต์แวร์ทั่วโลกก็กลายเป็นแบบนั้นจริง ๆ ถือเป็นการปฏิวัติวงการซอฟต์แวร์ครั้งสำคัญครั้งนึงในประวัติศาสตร์

Cr. Salesforceben.com

เครื่องมือการขาย หรือ Sales tools นั้นจำเป็นต่อบริษัทไหม?
หรือ ใช้แค่ Excel Spreadsheet เพียงพอแล้ว?

80% ของรายได้ในธุรกิจ B2B หรือ Business-to-Business นั้นมาจาก Direct Sales Channel
ดังนั้นทีมขายจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ของบริษัท และส่วนประสอบสำคัญที่ทำให้ทีมขายสามารถปิดยอดในแต่ละดีลก็คือ Sales Management หรือ การบริหารงานขาย

แต่เชื่อหรือไม่ว่า 95% ขององค์กรในประเทศไทยนั้นยังเลือกใช้ SpreadSheet ในการบริหารงานขายอยู่แม้ว่า Excel Spreadsheet จะเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ในการจัดการข้อมูลและคำนวณต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อจำกัดในการบริหารงานขาย เนื่องจากไม่สามารถรองรับฟังก์ชั่นการขายแบบครบวงจรได้ เช่น การติดตามลูกค้า การบันทึกข้อมูลการติดต่อลูกค้า การจัดทำรายงานสรุปผลการขาย และการวิเคราะห์สถิติต่างๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารงานขายอย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านต่อในบทความ Excel Spreadsheet vs Wisible

แล้วใช้ซอฟต์แวร์ตัวไหนดี? ใช้ของต่างประเทศ หรือ ของไทย

มีซอฟต์แวร์ตระกูล CRM กว่า 600 ตัวทั่วโลก และหลายตัวได้ถูกนำเข้ามาใช้ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 5% เท่านั้นที่เข้าถึงตลาดไทย โดย 95% ยังใช้ Excel Spreadsheets

Cr. Fitsmallbusiness.com

ทีมผู้ก่อตั้งของ Wisible มีประสบการณ์กว่า 20 ปีใน B2B Sales ดังนั้น เราเคยผ่านประสบการณ์มามากมาย เราได้ลองใช้เครื่องมือบริหารงานขายกว่า 100 ตัว และพบว่า กว่า80% เป็นฐานข้อมูลลูกค้าออนไลน์เท่านั้น มีซอฟต์แวร์น้อยกว่า 10% ที่สามารถ Integrate กับช่องทางการติดต่อลูกค้าได้ และน้อยกว่า 1% ที่มีการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเราจึงสร้าง Wisible ขึ้นมา

Sales CRM ส่วนใหญ่มักจะจบตรงที่ Deal-Won ซึ่ง “Deal-Won” ไม่ได้หมายความว่างานเสร็จสิ้นแล้ว เรารู้ดีว่ายังมีขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำ เช่น การจัดส่งสินค้า การผลิต การวางบิล การรับเช็ค การติดตามสถานะ ฯลฯ เพราะ Cashflow คือหัวใจสำคัญของธุรกิจ

การหาลีดที่มีคุณภาพสามารถคาดการณ์ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่พลาดโอกาสใดในงานขาย

Wisible มีบริการ AI Lead Generation ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุโปรไฟล์ลูกค้าที่เหมาะสมกับองค์กร, Ideal Customer Profile (ICP) prospect list building, Run Lead Generation Campaign และ
เก็บลีดอัตโนมัติจากทุกช่องทาง

ลำพังการใช้ Revenue CRM เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจได้เพียงพอ วัตถุประสงค์ของการซื้อซอฟต์แวร์สักตัวสุดท้ายควรเป็นการสร้างรายได้ให้กับองค์กร และในการสร้างรายได้ที่สามารถคาดการณ์ได้ ต้องสามารถสร้างลีดที่มีคุณภาพได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง Wisible สามารถช่วยคุณได้

การันตีรายได้มากกว่าที่ลงทุน ไม่เชื่อ? คำนวนด้วยตัวคุณเอง

  • หาก Wisible เก็บค่าบริการ AI Lead Generation Service (Beta) 30,000 บาท
  • เราจะสร้างรายชื่อกลุ่มเป้าหมายลูกค้า 100 คน, สร้าง Personalized Message, Setup meeting Booking page, Landing page, และ Run sales cadence ให้
  • หาก กลุ่มเป้าหมายลูกค้า 100 คน, 9 คน เปลี่ยนเป็นลูกค้าที่มีแนวโน้มที่จะซื้อ และ สามารถปิดการขายได้ 3 คน
  • หากมูลค่าต่อ Deal ราคาเฉลี่ยคือ 100,000 บาท x 3 Deal Won = 300,000 บาท
  • ซื้อซ้ำ 2 ครั้งภายใน 1 ปี = 300,000 บาท x 2 = 600,000 บาท
  • ราคา user ของ Wisible สำหรับ 10 Users = 156,000 บาท + 20,000 บาท + 30,000 บาท = 200,600 บาท

200,600 vs. 600,000 บาท = ROI 3 เท่า

Wisible vs. Salesforce อย่างละเอียด

Wisible vs Salesforce

หากกำลังพิจารณา Salesforce และมีงบประมาณเพียงพอ

  • หากมีงบประมาณเพียงพอ การเลือก Salesforce อาจเหมาะสมกับองค์กรของคุณ เพราะมีฟีเจอร์ที่จำเป็นทั้งหมด แต่การใช้งานค่อนข้างซับซ้อนและมีราคาสูง
  • หากต้องการติดต่อ Support จะติดต่อกับตัวแทนจำหน่าย ไม่ใช่เจ้าของซอฟต์แวร์โดยตรง
  • รายได้หลักของตัวแทนจำหน่ายมาจากค่าปรับแต่ง (ที่เรียกว่า Man-days) ดังนั้นพวกเขาอาจมีการชักจูงไปทางการปรับแต่งมากกว่า
  • หากคุณต้องการซอฟต์แวร์พื้นฐานโดยไม่มีการปรับแต่งใดๆ ตัวแทนจำหน่ายอาจไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเท่าที่ควร
  • Salesforce เป็นแบรนด์ระดับโลก มี Start-up software ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เช่น Slack, Tableau, Pardot, MuleSoft ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ ที่ดีมากแต่ค่อนข้างซับซ้อนและมีราคาแพง
  • ตัวแทนจำหน่ายสามารถปรับแต่งได้ตามที่ Salesforce อนุญาตเท่านั้น เพราะไม่ใช่ซอฟต์แวร์ของตัวเอง
  • การเจรจาราคากับตัวแทนจำหน่ายเพื่อรับส่วนลด ตัวแทนจำหน่ายต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานตามภูมิภาคของ SFDC และบางครั้งอาจต้องไปยังสำนักงานใหญ่ในอเมริกาเพื่อดำเนินการ project ขนาดใหญ่
  • ตัวแทนจำหน่ายสามารถช่วยในเรื่องของ Customization Code ที่เขียนเองได้ แต่ก็ยังไม่ใช้ Core เพราะไม่ใช่เจ้าของแบรนด์

หากคุณต้องการตั้งค่ารายงานและกำหนดฟิลด์เองทั้งหมด Salesforce อาจเหมาะสมกว่า แต่หากคุณต้องการให้ทำให้ทั้งหมด ที่ Wisible ทำให้ตั้งแต่ Pre-setup, Importing Data, Cleasing Data, Sales Stage Setting, Custom Field, Team setup พร้อมใช้งานในวันแรกของคุณ Wisible อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับองค์กรคุณ

และในอนาคตอันใกล้ Wisible จะมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการช่วยบริหารจัดการขาย ด้วยการพัฒนา IQ และ Automation (Cadence/Sequential) เพื่อช่วยให้การจัดการขายไหลลื่นแบบอัตโนมัติ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เซลล์จะได้มีเวลาไปทำงานในส่วนอื่น

ทำไม Wisible เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Salesforce ?

ราคาและข้อเสนอ

ระวังกับข้อเสนอทดลองใช้ฟรี เพราะมักจะเป็นกับดักให้คุณซื้อแพ็กเกจที่มีราคาสูงขึ้นเมื่อคุณใช้งานไปแล้ว ราคาที่ถูกและคิดว่าเหมาะสมแล้ว แท้จริงอาจไม่ได้จบแค่นี้ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการใช้งาน Sales Cloud Essentials และ Service Cloud Essentials สำหรับไม่เกิน 10 ยูสเซอร์ ในราคา $25 ต่อยูสเซอร์ต่อเดือน ถ้าจ่ายค่าบริการแบบรายปี หากคุณเลือกการเรียกเก็บค่าบริการแบบรายเดือน คุณจะต้องชำระเงิน $35 ต่อยูสเซอร์ต่อเดือน อย่างไรก็ตามการจำกัดยูสเซอร์ 10 คนใน Salesforce Essentials อาจทำให้การใช้งานของคุณเกิดความล่าช้า และหากธุรกิจของคุณกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและคาดว่าจะมีผู้ใช้มากกว่า 10 ยูสเซอร์ คุณอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มโดยไม่ทันได้วางแผนล่วงหน้า

ค่าบริการแฝง, ค่าธรรมเนียม, และค่าบริการเพิ่มเติม

Salesforce รวมค่าบริการแฝง พร้อมกับค่าบริการในการได้รับใบอนุญาต และค่าบริการเพิ่มเติมไว้ ซึ่ง “Product Enhancements” เหล่านี้จะขายแยกต่างหาก

  • Knowledge User License
  • Offline Access
  • Live Video Chat Support
  • Additional data storage

ในขณะที่คู่แข่งบางราย จำกัด feature free plan และมักจะจบลงที่ตรงนี้ ซึ่งแพลนของ Wisible ได้รวมทุกอย่างไว้ในแพ็กเกจ ในราคา $33 ถึง $50 ต่อเดือน ในขณะที่แพลนของคู่แข่งเริ่มต้นตั้งแต่ $45 ถึง $1,200 ต่อเดือน

ง่ายต่อการใช้งาน

คุณคิดว่าพนักงานขายหรือเซลล์อยากจะนั่งกรอกฟิลด์ข้อมูลลูกค้าเป็นชั่วโมง หรือเอาเวลาไปคุยกับลูกค้าเพื่อปิดการขาย แต่ถ้านี่เป็นซิ่งที่องค์กรคุณทำเป็นประจำอยู่แล้ว การเลือกใช้เครื่องมือบริหารจัดการขายที่ซับซ้อนอาจเป็นการเลือกที่ถูกต้อง

แต่ที่ Wisible งานที่ต้องกรอกเองด้วยตัวเองหรืองานส่วนอื่นที่ต้องทำด้วยตัวเอง เราจะแทนที่ด้วย AI เพื่อให้การทำงานลื่นไหล และไม่เสียเวลาในส่วนที่ไม่จำเป็นมากเกินไป การเริ่มต้นใช้งาน Wisible นั้นง่ายมากเพียงแค่คลิก, ลากและวาง ด้วยรูปแบบ kanban-style pipeline การโอนย้ายข้อมูลด้วย การ Import จึงเป็นเรื่อง่าย และการใช้งาน Interface ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้

ที่ Wisible การกรอกข้อมูลด้วยตัวเองหรือการทำงานส่วนอื่นๆ สามารถแทนที่ด้วย AI ที่ทำให้การทำงานลื่นไหล และไม่ต้องเสียเวลาในส่วนที่ไม่จำเป็นมากเกินไป การเริ่มต้นใช้งาน Wisible ง่ายมากเพียงแค่ คลิก, ลากและวาง ด้วยรูปแบบการจัดเรียงที่ใช้ Kanban-style pipeline การโอนย้ายข้อมูลจึงเป็นเรื่องง่าย และใช้งาน Interface ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ เมื่อเริ่มใช้งานไปแล้ว คุณจะไม่อยากกลับไปทำงานแบบเดิมอีกต่อไป

ปรับแต่งเองได้ แบบไร้ข้อกำกัด

Salesforce มักจะบอกว่าเป็นระบบ CRM  ที่สามารถปรับแต่งได้มากที่สุด โดยมี SDK และ API ให้กับบรรดาตัวแทนจำหน่าย  (Reseller) ในประเทศไทยสามารถทำการปรับแต่งตามโจทย์ที่ลูกค้าให้มาได้ แต่เนื่องจาก Partner เหล่านั้นมิใช่ผู้พัฒนา Softwareขึ้นมาด้วยตัวเอง จึงทำให้มีข้อจำกัดในการทำ Customization โดยจะสามารถทำได้เท่าที่ supplier (Salesforce) อนุญาตให้ทำได้ ดังนั้นหากมี requirement  ที่ซับซ้อนถึงจุดนึง ก็อาจจะไม่สามารถทำได้

ในขณะที่ Wisible เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นโดยสตาร์ทอัพไทย 100%  Source Code ทุกบรรทัดถูกเขียนขึ้นโดยนักพัฒนาชาวไทยทั้งหมด จึงสามารถทำการปรับแต่งซอฟต์แวร์ได้อย่างไร้ข้อจำกัดไม่ว่าลูกค้าจะมีโจทย์ที่ซับซ้อนขนาดไหนก็สามารถทำได้

Customer support

เราให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ผู้ใช้ทุกคนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้เสาร์อาทิตย์ หรือหยุดนักขัตฤกษ์ และคุณสามารถมั่นใจได้เลยว่า ไม่มีเคสไหนที่เราไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้

Salesforce ก็มีฟีเจอร์สำหรับการซัพพอร์ตลูกค้าเช่นเดียวกัน ในแพ็กเกจมาตรฐาน

  • ตอบกลับภายใน 2 วันและการสนับสนุน 12/5 (12 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์)
  • Guided journeys
  • Community forums
  • การเข้าถึง Trailhead ซึ่งเป็นชุดบทเรียนออนไลน์ Event และ Webinar
  • Events
  • Interactive webinars

Salesforce ยังมีแพลน Premier, Premier+ และ Priority ซึ่งสามารถให้คำแนะนำและการซัพพอร์ตเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับแพ็จเกจที่ซื้อ

เก็บ Lead อัตโนมัติจากทุกช่องทาง

Delivery Module

จากตารางด้านบน อย่างที่คุณรู้แล้วว่าเมื่อลูกค้าลงนาม PO นั้นเป็นเพียงขั้นตอนแรกในการดำเนินงาน องค์กรจะต้องทำงานต่อเพื่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ การออกแบบ การจัดส่ง การออกใบแจ้งหนี้ การรับเงิน และการจัดการโครงสร้างอื่นๆ อีกมากมาย

ที่ Wisible เราเชื่อว่าทุกอย่างจะจบลงเมื่อเงินอยู่ในธนาคารแล้ว และนั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่าโปรเจคนี้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่เหลืองานส่วนอื่นที่ต้องทำต่อ

การเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์อื่นๆ หรือ Integrations

Wisible มี App Store ที่ได้ทำการคัดสรรซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับธุรกิจไทยมากที่สุด เช่น  Software บัญชี Peak Account,  โปรแกรมรวมแชท AIYA.ai, ระบบโทรศัพท์ Octagon, ระบบลายมือชื่อ Digital SignNow,  รวมถึงการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันอื่นๆทั่วโลกผ่าน Zapier

Salesforce เองก็มี AppExphance ที่สามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ต่างประเทศได้มากมาย เช่น DocuSign, MailChimp

Report

Salesforce เป็นแบรนด์ระดับโลก ความสามารถในการปรับแต่งและสร้างแดชบอร์ดในส่วนของการรายงานทำได้ครบและตอบโจทย์เป็นอย่างมากเพราะสามารถทำ ได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นงานที่ซับซ้อนแค่ไหน

แต่คุณสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นการรายงานเหล่านี้เพิ่มเติมใน Wisible ได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้แพลตฟอร์มมีความสามารถในระดับเทียบเท่ากับ Salesforce

หากธุรกิจของคุณมีความต้องการในการวิเคราะห์และรายงานผลขั้นสูง โดยเฉพาะการวิเคราะห์ Sophisticated lead นั้น Salesforce จะมีความเหนือกว่า Wisible อย่างชัดเจน เนื่องจาก Wisible มีฟีเจอร์ให้สามารถส่งออกไฟล์ PDF หรือ PowerPoint ให้ได้อย่างสะดวก แต่การส่งออกไฟล์ Excel อาจมีความยากลำบากในบางส่วนเพราะไม่สามารถถึงข้อมูลในส่วนที่ซับซ้อนได้

ตกลง Salesforce vs. Wisible เลือกใครดี? สรุปจบในย่อหน้าเดียว

ถ้าเอาชัวร์ ปลอดภัยกับหน้าที่การงาน และมีเงินมากพอ ไป Salesforce ได้เลยครับ เพราะต่อให้ Implement แล้ว Fail จะอาจไม่มีใครว่า เพราะคุณเลือกแบรนด์ดังที่สุดในโลกมาให้แล้ว

แต่ถ้าคุณคุยกับ Salesforce Reseller ไม่รู้เรื่อง รู้สึกว่าราคาไม่สมเหตุสมผล หรือนู่นก็บอกทำไม่ได้ นี่ก็พอติดข้อจำกัดทางเทคนิค (เพราะ Reseller ไม่ใช่เจ้าของ Product) จนถึงจุดที่คุณเริ่มฉุกคิดว่า “เอ๊ มันต้อง Salesforce ด้วยเหรอวะ” เมื่อนั้นฝากลองพิจารณา Wisible ดูนะครับ 🙂 อันนี้ตอบแบบจริงใจที่สุดแล้ว

ถ้าเราบอกทำได้ มันก็คือได้ เพราะเราสร้าง Product ขึ้นมาเอง

สำหรับ Wisible ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หรือต้องไปขออนุมัติใครที่สิงคโปร์หรืออเมริกา ถ้า CEO เราบอกว่าได้มันก็คือได้ เพราะโค้ดทุกบรรทัดเราออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเอง ดังนั้นหมดห่วงเรื่อง Customization ได้ ขอแค่คุณเล่าปัญหาให้เราฟัง เราจะพยายามวิเคราะห์เจาะลึก ขุดให้ถึงแก่นของปัญหา และสร้างโซลูชั่นมาแก้ปัญหานั้นให้คุณให้จงได้

Book Demo Wisible

Similar Posts