เจาะลึก Sale Pipeline ลำดับการขายที่จะช่วยให้ เซลส์เปลี่ยนผู้มุ่งหวังเป็นลูกค้าได้อย่างแท้จริง

เจาะลึก Sale Pipeline ลำดับการขายที่จะช่วยให้ เซลส์เปลี่ยนผู้มุ่งหวังเป็นลูกค้าได้อย่างแท้จริง
เจาะลึก Sale Pipeline ลำดับการขายที่จะช่วยให้ เซลส์เปลี่ยนผู้มุ่งหวังเป็นลูกค้าได้อย่างแท้จริง

เรามาทำความรู้จักกับ Sale Pipeline เทคนิคที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัท และสามารถยกระดับนักขายธรรมดา ให้กลายเป็นผู้ที่สร้างโอกาสทางการขาย และคาดการณ์ยอดขายในอนาคตได้ โดยการเปลี่ยนผู้มุ่งหวังให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถนำมาใช้ได้ และเหมาะกับทีมนักขายทุกๆคน ที่จะสามารถติดตามและจัดการกับกระบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้นัดหมาย ซึ่งจะมีลำดับขั้นตอน หรือเทคนิคยังไงไปติดตามกัน

Sales Pipeline คืออะไร ?​

เป็นขั้นตอนกระบวนการขาย หรือการขายที่สามารถดำเนินการเป็นลำดับขั้นตอน ซึ่งเริ่มตั้งแต่การติดต่อครั้งแรกกับผู้มุ่งหวังที่มีโอกาสเป็นลูกค้า ไปจนถึงขั้นตอนการปิดการขาย ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับทีมขาย ที่จะใช้ในการติดตามเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการปิดการขาย รวมถึงสามารถคาดการณ์ยอดขายในอนาคตได้ ช่วยให้มองเห็นภาพรวมได้อย่างรวดเร็วว่า ดีลใดที่มีแนวโน้มจะปิดได้มากที่สุด และจัดการปิด Deal นั้นในขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนใน Sales Pipeline อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและกระบวนการขาย แต่โดยทั่วไปจะอยู่ในลำดับการขายต่างๆ ที่สามารถพลิกแพลงตามสถานการณ์ได้ เช่น การหากลุ่มผู้มุ่งหวัง คุณสมบัติ ข้อเสนอ การเจรจาต่อรอง และการปิดการขาย

จุดประสงค์ของขั้นตอนกระบวนการขายนี้ คือเป็นแนวทางที่มีโครงสร้างในการจัดการผู้มุ่งหวังเป็นลูกค้าและช่วยให้ทีมขายจัดลำดับความสำคัญของงานขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมักใช้เป็นเครื่องมือในการคาดการณ์ยอดขายในอนาคต และใช้สำหรับติดตามความคืบหน้าของการขายที่กำลังดำเนินอยู่ ด้วยการทบทวนและอัปเดต Sales Pipeline อย่างสม่ำเสมอ ทีมขายสามารถระบุถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น หรือปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการปิด Deal และดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อจัดการกับปัญหาเหล่านั้น

ความสำคัญของ Sales Pipeline
ความสำคัญของ Sales Pipeline

ทำไมระบบการขาย Sales Pipeline จึงมีความสำคัญ

Sales Pipeline คือการแสดงภาพของขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ครั้งแรกของการติดต่อกับผู้มุ่งหวังไปจนถึงการปิดการขายที่สมบูรณ์ มีความสำคัญด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้

  1. ช่วยให้พนักงานขายและผู้จัดการเข้าใจว่า ผู้มุ่งหวังที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าคือรายใดในกระบวนการขาย ช่วยให้พนักงานขายสามารถให้การซัพพอร์ตลูกค้าได้เป็นอย่างดี และติดตามผลได้อย่างเหมาะสม
  2. ช่วยให้พนักงานขายสามารถจัดลำดับความสำคัญของการขาย โดยเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มมากที่สุดก่อน
  3. ช่วยให้ทีมขายคาดการณ์รายได้ในอนาคต เนื่องจากนักขายสามารถเห็นจำนวนผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าในแต่ละขั้นตอนของ Pipeline และความเป็นไปได้ในการปิด Deal เหล่านั้น
  4. ช่วยระบุจุดที่ดำเนินการขายที่อาจจะขาดตกบกพร่อง หรือตกหล่นไป จึงสามารถปรับปรุงแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที
  5. ช่วยให้ทีมขายมีระเบียบและสามารถโฟกัสกับผลลัพธ์ได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากนักขายสามารถเห็นผู้มุ่งหวังมีโอกาสเป็นลูกค้า และแนวโน้มทั้งหมดได้ในที่เดียว

โดยรวมแล้ว Sales Pipeline เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับทีมขาย ในจัดการและติดตามความคืบหน้าในการขาย ซึ่งนำไปสู่กระบวนการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสุดท้ายก็คือการปิดดีลได้มากขึ้นนั่นเอง

7 ลำดับขั้นตอนวิธีสร้างผลกำไรด้วย Sales Pipeline

1. การสร้างลูกค้าเป้าหมาย

นี่คือกระบวนการระบุและสร้างรายชื่อผู้มีมุ่งหวังที่มีโอกาสเป็นลูกค้า หรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น แคมเปญการตลาด โซเชียลมีเดีย เป็นต้น

2. คุณสมบัติของ Leads กลุ่มลูกค้า

เมื่อสร้างรายชื่อลีดกลุ่มลูกค้าแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพิจารณาว่าลีดใดควรค่าแก่การติดตาม กระบวนการนี้เรียกว่าคุณสมบัติของลูกค้าเป้าหมาย และเกี่ยวข้องกับการระบุความต้องการ งบประมาณ และอำนาจในการตัดสินใจของลูกค้าที่มีศักยภาพ

การติดต่อพูดคุยกับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า
การติดต่อพูดคุยกับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า

3. การนัดเจอ หรือ การติดต่อ

ขั้นตอนลำดับการโดยทั่วไป คือการติดต่อนัดเจอ หรือการโทรพูดคุยครั้งแรกกับผู้มุ่งหวัง ผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า นี่เป็นโอกาสสำหรับนักขายในการเรียนรู้เกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า และอธิบายถึงผลิตภัณฑ์ หรือบริการของเรา ว่าสินค้าและบริการของเราสามารถตอบสนองผู้มุ่งหวังเหล่านั้นได้อย่างไร

4. ยื่นข้อเสนอที่ดี หรือ ใบเสนอราคา

หากผู้มุ่งหวังมีโอกาสเป็นลูกค้าสนใจดำเนินการต่อ นักขายจะจัดเตรียมข้อเสนอ หรือใบเสนอราคาโดยสรุปเงื่อนไขการขาย รวมถึงราคา รายละเอียด หรือเงื่อนไขต่างๆเพิ่มเติม

5. การเจรจาต่อรอง

ข้อเสนอ หรือใบเสนอราคา อาจมีการเจรจาเพิ่มเติมกันเองระหว่างนักขายและลูกค้า โดยการหารือและตกลงราคากันเอง ซึ่งอาจมีเงื่อนไข หรือข้อเสนอต่างๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของทั้ง 2 ฝ่ายในการขายได้

6. การปิดการขาย

หากการเจรจาสำเร็จ ขั้นตอนต่อไปคือการปิดการขาย ซึ่งอาจจะมีการสรุปรายละเอียด หรือให้ลูกค้าเซ็นยืนยันการสั่งซื้อ หรือให้ลูกค้าชำระเงิน ซึ่งเสร็จสิ้นในกระบวนการขาย

7. การติดตามผล

แม้จะเสร็จสิ้นกระบวนการขายแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องติดตามผลลัพธ์ของลูกค้า เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าพึงพอใจ และมองหาโอกาสที่เป็นไปได้สำหรับการขายเพิ่มเติม ซึ่งอาจรวมถึงการถามลูกค้า เพื่อดูว่าพวกเขาใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการอย่างไรบ้าง และหากเป็นไปได้ก็เสนอผลิตภัณฑ์สินค้า หรือบริการเพิ่มเติมตามความจำเป็น

วิธีพัฒนาการจัดการ Sales Pipeline
วิธีพัฒนาการจัดการ Sales Pipeline

วิธีพัฒนาการจัดการ Sales Pipeline

1. การจดบันทึกเป็นสิ่งสำคัญ

การมีข้อมูลกระบวนการขายที่ดี จากการจดบันทึกสามารถช่วยให้ทีมนักขายเข้าใจถึงขั้นตอนที่ต้องดำเนินการในแต่ละขั้นตอนของ Sales Pipeline และมั่นใจได้ว่างานที่จำเป็นทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์

2. ใช้ระบบ CRM

ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management) CRM สามารถช่วยให้คุณติดตาม Leads กลุ่มลูกค้า และโอกาสได้ในที่เดียว สิ่งนี้ทำให้ง่ายต่อการดูว่า ผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าแต่ละรายอยู่ในขั้นตอนการขายใด และช่วยให้ทีมนักขายมีระบบในการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ตรวจสอบและวิเคราะห์ Sales Pipeline อยู่เสมอ

การตรวจสอบและวิเคราะห์ Sales Pipeline ใน 7 ขั้นตอนที่กล่าวไปข้างต้นเป็นประจำ สามารถช่วยให้นักขายสามารถระบุแนวโน้มของผู้มุ่งหวังและจุดที่ควรปรับปรุง นักขายสามารถใช้ข้อมูลนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการขายให้ดียิ่งขึ้น

4. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน

การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เฉพาะเจาะจง และวัดผลได้ สำหรับทีมนักขาย จะช่วยให้นักขายมีสมาธิ ในการโฟกัส และมีแรงจูงใจในการออกไปลุยงานขาย ซึ่งส่วนนี้นักขายต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ได้ทบทวนและปรับเป้าหมายเป็นประจำ หากทีมขายร่วมมือทำงานกันอย่างหนัก ไปพร้อมๆ มีระบบซัพพอร์ตที่ดีไปด้วย ยังไงก็มีโอกาสไปถึงเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

5. อย่าลืมการสนับสนุนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

การฝึกอบรมและการสนับสนุนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยให้ทีมนักขายตามทันเทคนิคการขายและเทคโนโลยีล่าสุด สิ่งนี้สามารถช่วยให้นักขายมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการจัดการระบบ Pipeline และปิด Deal

6. ทำงานร่วมกับแผนกอื่นๆ

ฝ่ายขายไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่สามารถสร้างระบบ Pipeline ให้สมบูรณ์ได้ การทำงานร่วมกับแผนกอื่นๆ เช่น การตลาด การบริการลูกค้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สามารถช่วยให้นักขายเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถค้นพบโอกาสใหม่ๆ หรือช่องโหว่จากการเห็นระบบการทำงานทั้งหมด

Sales Pipeline ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
Sales Pipeline ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

วิเคราะห์ Sales Pipeline ให้เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ

ในการวิเคราะห์ Sale Pipeline ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ ก่อนอื่นให้คุณกำหนดขั้นตอนใน Sale Pipeline ของคุณให้เรียบร้อยทั้ง 7 วิธีตามที่แนะนำไปข้างต้น เช่น การสร้างลูกค้าเป้าหมาย, คุณสมบัติของ Leads กลุ่มลูกค้า, การนัดเจอ หรือการติดต่อ, ข้อเสนอ หรือใบเสนอราคา, การเจรจาต่อรอง, การปิดการขาย และการติดตามผล

นอกจากนี้คุณ สามารถวัดสถิติสำหรับแต่ละขั้นตอนเพื่อหาผลลัพธ์ที่วัดผลได้ เช่น จำนวนผู้มุ่งหวังที่มีโอกาสเป็นลูกค้า, จำนวนลูกค้าที่รับข้อเสนอ, จำนวนลูกค้าที่ปิดการขายได้, รายได้ที่สร้างขึ้น และจำนวนลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ สิ่งนี้จะทำให้คุณเข้าใจอย่างชัดเจน ว่าจุดไหนเป็นข้อได้เปรียบใน Sale Pipeline ของคุณ และจุดไหนที่คุณสามารถปรับปรุงได้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางการขายที่ดีขึ้น

เพิ่มเติมสำหรับการรักษาคุณภาพของยอดขายให้คงที่ หรือยอดขายที่ดีมากยิ่งขึ้น คือการเช็กประสิทธิภาพของทีมขายอยู่เสมอ ตั้งแต่ การเข้าพบผู้มุ่งหวังตาม Leads ที่มีคุณภาพ, อัตราการปิดการขาย, ขนาด Deal เฉลี่ยที่ปิดได้, รวมถึงการติดตามผล และสุดท้าย คือตรวจทานผลลัพธ์ ปรับ Sale Pipeline ของธุรกิจคุณเป็นประจำ ตามสถิติและตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสำหรับธุรกิจของคุณ

สามารถดำเนินการตามลำดับขั้นดังนี้ :

  1. ระบุกลุ่มเป้าหมายของคุณ: ทำความเข้าใจว่าลูกค้าในอุดมคติของคุณคือใคร ความต้องการของพวกเขา และผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ตอบสนองความต้องการเหล่านั้นอย่างไร
  2. กำหนด Sale Pipeline ของคุณ: สร้าง Sale Pipeline ที่ชัดเจน และดำเนินการตามขั้นตอนนั้นเพื่อให้ได้มาซึ่งยอดขายจากผู้มุ่งหวัง ที่จะเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าได้อย่างแท้จริง ได้แก่ การสร้างลูกค้าเป้าหมาย, คุณสมบัติของ Leads กลุ่มลูกค้า, การนัดเจอ หรือการติดต่อ ,ข้อเสนอ หรือใบเสนอราคา, การเจรจาต่อรอง , การปิดการขาย และการติดตามผล
  3. กำหนดตัวดัชนีชี้วัดผลงาน หรือ ความสำเร็จของการขาย (KPI): รวบรวมสถิติทั้งหมดสำหรับธุรกิจของคุณ และใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่ ซึ่งจะช่วยในการวัดประสิทธิภาพของ Sale Pipeline ของคุณ ได้แก่ วัดเปอร์เซ็นต์ของผู้มุ่งหวัง ที่ถูกแปลงเป็นลูกค้าที่จ่ายเงิน, วัดจำนวนยอดขายโดยเฉลี่ยที่ใช้ต่อการขาย, วัดจำนวนรายได้ทั้งหมด ที่คาดว่าจะได้รับจากลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน, วัดรายได้ หรือยอดขาย ที่เกิดจากกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เช่น ลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าประจำ ,วัดรายได้ หรือยอดขายที่เกิดจากพนักงานขายแต่ละคน หรือแต่ละทีม ,วัดความแตกต่างระหว่างรายได้และต้นทุนขาย และสามารถใช้เพื่อทำความเข้าใจความสามารถในการทำกำไร, วัดประสิทธิภาพของขั้นตอนต่างๆ ในลำดับขั้นตอนการขาย เช่น จำนวนผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า จำนวนโอกาส และจำนวนของการปิดการขาย, วัดระดับความพึงพอใจของลูกค้า ที่มีต่อบริการและการสนับสนุนที่ได้รับ เป็นต้น
  4. ติดตามและวิเคราะห์ลำดับขั้นตอนการขายอยู่เสมอ: ใช้ CRM หรือโปรแกรมอื่นๆ เพื่อติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Sale Pipeline ของคุณ วิธีนี้จะช่วยให้คุณดำเนินการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นจุดที่ต้องปรับปรุง รวมถึงสามารถดูสถิติย้อนหลังได้เมื่อเวลาผ่านไป
  5. เพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง: วิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพ Sale Pipeline การขายของคุณอย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลและข้อเสนอแนะที่คุณได้รับ ทั้งจากลูกค้าและจากสถิติที่บันทึกไว้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการปรับ Sale Pipeline ขั้นตอนการขาย ปรับข้อความ หรือเปลี่ยนกระบวนการขายของคุณ
  6. สื่อสารกับทีมของคุณ: สื่อสารกับทีมขายของคุณ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับยอดขายทุกคนเป็นประจำ ในเรื่องประสิทธิภาพของ Sale Pipeline แลกเปลี่ยนความท้าทาย แบ่งปันความสำเร็จ รวมถึงหาโอกาสในการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทีมแข็งแรง และมีกำลังใจในการออกไปหายอดขายต่อไป
การใช้งานของระบบ CRM
การใช้งานของระบบ CRM

ทำความเข้าใจการใช้งานระบบ Customer Relationship Management (CRM) ส่วนสำคัญของกระบวนการจัดการ Sales Pipeline

ระบบ CRM ใช้เพื่อจัดการข้อมูล และวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าตลอดวงจรของลูกค้า ตั้งแต่การได้มาซึ่งลูกค้า การดูแลลูกค้า การบริการหลังการขายลูกค้า ตลอดจนการซื้อซ้ำ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้า ช่วยในการรักษาลูกค้า และผลักดันการเติบโตของยอดขาย ในบริบทของ Sales Pipeline

โดยสามารถใช้ระบบ CRM เพื่อติดตาม Leads ขณะที่ดำเนินการผ่านขั้นตอนต่างๆของ Pipeline ทั้งหมดตามกระบวนการขั้นตอนที่กล่าวถึงข้างต้น

อีกทั้ง CRM ยังสามารถใช้เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้า ติดตามการโต้ตอบกับลูกค้า จัดการประสิทธิภาพของทีมขาย นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อระบุรูปแบบ และแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งสามารถใช้สำหรับสร้างกลยุทธ์การขายและการตลาด โดยรวมแล้ว ระบบ CRM สามารถช่วยให้ทีมขายมีระเบียบมากขึ้น มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการจัดการ Sales Pipeline ซึ่งมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

เครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้าง Sales Pipeline ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

มาถึงตรงนี้ คุณคงเข้าใจกระบวนการทำงานของ Sales Pipeline ทั้งหมดแล้ว แน่นอนว่าหากต้องการให้กระบวนการขายมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยเครื่องมือเป็นตัวช่วย ให้กระบวนการขายทำงานได้อย่างเป็นระบบ ในอดีตนักขายจำเป็นต้องใช้การจด ใช้การจำร่วมกับทีมขาย และการคำนวณด้วยตัวเองเป็นหลัก ซึ่งตอนนั้นก็สามารถสร้างผลลัพธ์การขายได้อย่างมาก แต่มีข้อเสียในส่วนตรงที่การจดและการจำ มีโอกาสสูญหายได้ ซึ่งข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับลูกค้า ก็คงจะไม่มีใครต้องการให้มันสูญหายไปแน่ๆ

ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาเครื่องมือ นักขายสามารถจดบันทึกลงในคอมฯได้ ซึ่งก็สร้างประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่าเดิม ในการรักษาข้อมูลให้หายน้อยลง และสามารถเรียกใช้งานข้อมูลได้ตลอดเวลา จนถึงตอนนี้นักขายหลายคน หลายธุรกิจ และหลายองค์กรก็ยังใช้ระบบนี้อยู่ เพียงแต่การนำสถิติต่างๆ มาใช้แต่ละที ต้องใช้การคำนวณด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งสถิติที่ถูกต้องในการพัฒนาการขาย

เซลส์อาจจะต้องเสียเวลาในการทำ report ทุกสิ้นเดือน
เซลส์อาจจะต้องเสียเวลาในการทำ report ทุกสิ้นเดือน

และในการทำงานนี้เอง แม้จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเดิม แต่ก็ยังเป็นระบบที่นักขายต้องเสียเวลาในการคำนวณเป็นวันๆ เครื่องมือการทำงานนี้จึงยังมีข้อบกพร่องในการทำงาน เช่น หากคำนวณผิดพลาด สถิติที่ได้อาจไม่ถูกต้อง ซึ่งนั่นมีโอกาสที่จะกระทบกับยอดขายได้โดยตรง

จากข้อผิดพลาดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในการดำเนินการขาย Sales Pipeline เราจึงได้มีการพัฒนาโปรแกรมขึ้นมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขายได้มากยิ่งขึ้น เราขอนำเสนอให้คุณรู้จักกับ Revenue Acceleration Platform โปรแกรมที่จะทำหน้าที่อำนวยความสะดวก ให้กับการจัดการการขายในธุรกิจของคุณ มาทำความรู้จักกับโปรแกรมนี้กันเถอะ

Revenue Acceleration Platform คืออะไร ?

Revenue Acceleration Platform เป็นโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ธุรกิจเพิ่มรายได้ ด้วยการใช้ระบบทำงานอัตโนมัติ และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขายและการตลาด ซึ่งอาจรวมถึงคุณลักษณะต่าง ๆ เช่น การสร้างโอกาสในการขาย, การดูแลกลุ่มเป้าหมายผู้มุ่งหวัง, ระบบอัตโนมัติทางการตลาด, การจัดการ Sales Pipeline นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์ และการรายงานข้อมูล เพื่อช่วยให้ธุรกิจใช้ประโยชน์ หรือปรับปรุงการทำงาน โดยใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เป้าหมายของ Revenue Acceleration Platform คือการช่วยให้บริษัทต่างๆ ใช้ประโยชน์จากโปรแกรมในการทำงานตามขั้นตอนการขาย ที่มีระบบการทำงานคอยซัพพอร์ตทีมขาย และช่วยพัฒนาหรือผลักดันยอดขาย ให้เป็นไปตามเป้าอยู่ตลอดเวลา สามารถเช็กความคืบหน้าของ Sales Pipeline โดยสร้างผู้มุ่งหวังไปจนถึงการปิดการขาย ซึ่งจะเพิ่มความคล่องตัวในการขายและส่งเสริมการตลาดได้ เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้ในระยะยาวอย่างมั่นคงนั่นเอง

โปรแกรม Revenue Acceleration Platform ช่วยให้กระบวนการของ Sales Pipeline มีประสิทธิภาพได้อย่างไร ?

Revenue Acceleration Platform เป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพของ Sales Pipeline โดยทำให้กระบวนการขายต่างๆ ดำเนินการได้ด้วยโดยระบบอัตโนมัติ ให้เกิดความคล่องตัว ซึ่งรวมถึงคุณลักษณะต่างๆ เช่น การสร้างโอกาสในการขาย การคัดกรองลูกค้าเป้าหมายให้มีความแม่นยำมากขึ้น การสร้างใบเสนอราคา และการคาดการณ์การยอดขาย ตลอดจนเครื่องมือสำหรับการติดตาม และวิเคราะห์ข้อมูลการขาย เป้าหมายของ Revenue Acceleration Platform คือการเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงพัฒนาคุณภาพเวลาในแผนกทีมขาย ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในที่สุด

การทำงานของ Revenue Acceleration Platform
การทำงานของ Revenue Acceleration Platform

การทำงานโปรแกรม Revenue Acceleration Platform สำหรับการดำเนินการ Sales Pipeline มีการดำเนินงานดังนี้ :

  1. การสร้างกลุ่มเป้าหมายผู้มุ่งหวังเพื่อจัดเก็บ Leads ที่มีคุณภาพ: โปรแกรมสามารถทำให้กระบวนการขาย สามารถระบุและคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายผู้มุ่งหวังที่มีศักยภาพ สามารถดำเนินการต่อได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา และทรัพยากรสำหรับทีมขาย
  2. การให้คะแนน Lead: การกำหนดคะแนนให้กับ Leads แต่ละรายตามปัจจัยต่างๆ เช่น ข้อมูลประชากรและพฤติกรรม แพลตฟอร์มสามารถจัดลำดับความสำคัญของ Leads และช่วยให้ทีมขายมุ่งเน้นไปที่โอกาสที่มีแนวโน้มจะปิดการขายให้ได้มากที่สุด
  3. การคาดการณ์ยอดขาย: โปรแกรมสามารถวิเคราะห์ข้อมูลการขาย และคาดการณ์ประสิทธิภาพในอนาคต ซึ่งสามารถช่วยทีมขายกำหนดเป้าหมาย รวมถึงตัดสินใจได้อย่างรอบด้านมากขึ้น
  4. การติดตามและวิเคราะห์การขาย: ด้วยการให้การมองเห็นแบบเรียลไทม์ในขั้นตอนการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมนี้สามารถช่วยทีมขายระบุปัญหา และโอกาสในการปรับปรุง รวมถึงทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นหลัก
  5. ระบบการขายอัตโนมัติ: โปรแกรมสามารถทำงานซ้ำๆ เช่น อีเมล และการโทรติดตามผลโดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถประหยัดเวลา และลดข้อผิดพลาดของทีมขายได้
  6. การจัดการประสิทธิภาพการขาย: โปรแกรมสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพการขาย ช่วยให้ผู้จัดการสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของทีมขาย และดำเนินการเมื่อจำเป็น
  7. การจัดการสิ่งจูงใจในการขาย: โปรแกรมสามารถช่วยผู้จัดการ สร้าง ติดตาม และจัดการแผนสร้างของรางวัล หรือสิ่งจูงใจในการขาย กระตุ้นให้พนักงานมีกำลังใจ ออกไปทำงานให้บรรลุเป้าหมายได้

การเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่เหล่านี้ ทำให้โปรแกรมแพลตฟอร์ม Revenue Acceleration Platform นี้สามารถช่วยบริษัทต่างๆ ลดระยะเวลาการขาย เพิ่มอัตราการปิดการขาย และเพิ่มยอดขายในท้ายที่สุด

โปรแกรมบริหารงานขายอัจฉริยะ Wisible
โปรแกรมบริหารงานขายอัจฉริยะ Wisible

The Revenue Acceleration Platform โปรแกรมบริหารงานขายอัจฉริยะสำหรับธุรกิจ B2B พัฒนาโดย Wisible

โปรแกรมที่เป็นมากกว่าเครื่องมือ CRM อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพ Sales Pipeline ให้กระบวนการขายดำเนินการได้อย่างมีคุณภาพ เพื่อผลลัพธ์ในยอดขายอย่างก้าวกระโดด

ขอนำเสนอแพลตฟอร์มการเร่งรายได้โดย Wisible สุดยอดโซลูชันการจัดการการขายสำหรับบริษัท B2B

แพลตฟอร์มของเราเป็นมากกว่าฟังก์ชัน CRM พื้นฐาน โดยมอบเครื่องมือขั้นสูงเพื่อปรับปรุงกระบวนการขายของคุณ เพิ่มประสิทธิผล พัฒนาประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ ด้วยระบบการจัดการ Leads ที่อัจฉริยะ คุณสามารถระบุ และจัดลำดับ Leads ที่มีค่าที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณได้อย่างง่ายดาย มีเครื่องมือการจัดการ Sales Pipeline ที่ใช้งานง่าย ช่วยให้คุณสามารถติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของทีมขายของคุณ และความสามารถรายงานยอดขาย รวมถึงการคาดการณ์ยอดขายด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะให้ข้อมูลที่จำเป็น สำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างรอบด้าน

แต่นั่นยังไม่พอ แพลตฟอร์มของเรายังผสานรวมเข้ากับระบบที่คุณมีอยู่ได้อย่างราบรื่น รวมถึงระบบการตลาดอัตโนมัติ อีเมล และซอฟต์แวร์การบัญชี ทำให้คุณมองเห็นกระบวนการขายของคุณทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ การออกแบบที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ และคุณลักษณะที่ปรับแต่งได้โดยง่ายแบบตามใจธุรกิจของคุณ ทำให้ทีมของคุณสามารถปรับตัว และใช้งานได้อย่างง่ายดาย

The Revenue Acceleration Platform โดย Wisible นำการขาย B2B ของคุณไปสู่อีกระดับ ลองใช้แพลตฟอร์มของเราวันนี้ และสัมผัสกับความแตกต่างของระบบที่มีประสิทธิภาพ ที่จะสร้างยอดขายทวีคูณให้กับธุรกิจของคุณได้

กระบวนการทำงานของ Sales Pipeline
กระบวนการทำงานของ Sales Pipeline

จากที่กล่าวมาทั้งหมด คุณคงเห็นภาพการทำงานของ Sales Pipeline สามารถช่วยให้พนักงานขายจัดการกระบวนการขายได้อย่างมีระบบ สามารถติดตามความคืบหน้าของ Deal จากลูกค้าได้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การนัดเจอกันครั้งแรกของผู้มุ่งหวัง จนถึงการปิด Deal

ด้วยวิธีการที่เป็นระบบแบบนี้ จะช่วยให้ผลลัพธ์การขายของคุณดีขึ้นอย่างแน่นอน และยังช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จได้ตามใจหวังได้อีกด้วย หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการทำงานอย่างมีระบบ เว็บไซต์ Wisible เราจะนำเสนอข้อมูลดี ๆ ให้กับคุณเอง หรือคุณสามารถนัด Demo เข้ามาเพื่อพูดคุยกับเราเพิ่มเติมได้เลย

Ref: https://www.salesforce.com/ca/hub/sales/what-are-the-stages-of-a-sales-pipeline/

Similar Posts