วิธีใช้งาน Sale CRM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงสุดใน Pipeline Management

ความสำคัญอย่างหนึ่งของการทำธุรกิจ คือ การวางแผนและเตรียมการให้พร้อมกับรับมือในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในธุรกิจ B2B คือ การทำ Sale Pipeline ด้วยความที่มีขั้นตอนเป็นแบบแผนชัดเจน และช่วยให้พนักงานในบริษัทเห็นภาพตรงกัน และรู้ว่าควรจะมุ่งเน้นไปตรงจุดไหน ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงในส่วนของ Pipeline Management หรือการจัดการ Sale Pipeline ว่าควรทำอะไร เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยการอาศัยเครื่องมืออย่าง CRM มาช่วยอุดรอยรั่วและเพิ่มประสิทธิภาพให้ Pipeline Management มากยิ่งขึ้น

ใช้งาน CRM ในการวิเคราะห์แต่ละขั้นตอนของ Sale Pipeline 

การวางแผนในแต่ละขั้นตอนของ Sale Pipeline จะช่วยส่งผลดีให้กับธุรกิจของบริษัทคุณมากยิ่งขึ้น ทั้งการที่เราสามารถเปลี่ยน Leads มาเป็น Customer ได้มากยิ่งขึ้น หรือมีแนวโน้มที่จะมีโอกาสสูงมากยิ่งขึ้น ด้วยความที่การใช้งานระบบ CRM จะช่วยให้คุณสามารถเจาะลึกเข้าไปในแต่ละขั้นตอน ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทำให้เราสามารถนำข้อมูลตรงนั้นมาวิเคราะห์และปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เราต้องการได้มากยิ่งขึ้น ยังไม่รวมถึงขั้นตอนอื่น ๆ ทั้งในช่วงก่อนการขาย หรือหลังการขาย ระบบ CRM จะมีบทบาทเข้ามาช่วยคุณมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะทำให้ Pipeline Management ของคุณมีประสิทธิภาพและง่ายดายยิ่งขึ้น 

ใช้ CRM ช่วยในการติดตามการทำงานและวัดผล

หลังจากที่เราเตรียมการวางแผนใน Sale Pipeline เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปก็คือการติดตามงานและวัดผลในแต่ละช่วงของ Sale Pipeline ว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยน Leads เป็น Customer ได้มากน้อยแค่ไหน Deal ไหนมีปัญหาอะไรตรงไหนมั้ย 

ซึ่งข้อดีหลัก ๆ ของการใช้ CRM ในการติดตามการทำงานคือ เราสามารถเห็นภาพรวมได้แบบ Real Time เลย ไม่จำเป็นต้องมีการนัดประชุม ให้เสียเวลา ถือได้ว่าเป็นประโยชน์มาก ๆ เลยทีเดียวสำหรับเซลส์เพราะสามารถลดเวลาที่จะต้องไปเข้าประชุม ไปโฟกัสในการขายได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น 

รวมไปถึงการที่ตัวระบบสามารถเช็คได้ตลอด ฝั่งผู้จัดการก็สามารถที่จะดูความคืบหน้าของ Deal ได้เลยทันที เรียกได้ว่าเป็นประโยชน์ทั้งในแง่ของ Sale Management และ บริษัทกันเลยทีเดียว  

ใช้ CRM มาวิเคราะห์ความผิดพลาด 

ถึงแม้ว่าเราจะดำเนินทุกขั้นตอนมาอย่างดี และอาจจะไม่มีข้อผิดพลาดในการดำเนินงานเลย แต่แน่นอนว่าในเรื่องของธุรกิจ ย่อมมีปัจจัยภายนอกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโดนตัดราคาเอย หรือผลิตภัณฑ์ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป็นต้น ซึ่งเราสามารถนำข้อมูลเหล่านั้น มาวิเคราะห์ต่อได้ ว่าเพราะอะไร แล้วเราควรจะแก้ไขปัญหาต่อไป 

และก็มีบางครั้งที่ Deal ก็มีความยืดเยื้อไปเกินกว่าที่ควร ซึ่งอาจจะทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์ไปโดยใช่ควร ซึ่งคุณก็สามารถใช้ CRM หรือ The Revenue Acceleration Platform ของทาง Wisible เพื่อมาคาดการณ์ใน Deal ต่อไป ไม่ให้มีข้อผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นอีก 

สรุป 

การนำระบบ CRM มาช่วยในส่วนของทั้ง Sale Pipeline และ Pipeline Management ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือชั้นดีที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพให้กับบริษัทและ Deal ของเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการดำเนินงานและวางแผน Sale Pipeline ไว้อย่างดีและถี่ถ้วนแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำ ถึงแม้จะไม่มีเครื่องมืออย่าง CRM ก็ตาม ซึ่งทางเราก็หวังว่าแนวทางที่ให้ไปจะสามารถเข้าไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่บริษัทของคุณได้ไม่มากก็น้อย

และหากบริษัทใดที่กำลังมีปัญหาในการวางแผนหรือติดตาม Sale Pipeline และอยากได้เครื่องมือเข้าไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลองนัดเดโม่กับ The Revenue Acceleration Platform ของ Wisible ด้วยการออกแบบที่ทำออกมาเพื่อตอบโจทย์บริษัทที่ทำธุรกิจแบบ B2B โดยตรง รวบรวมครบทุกฟังก์ชั่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทของคุณอย่างแน่นอน